สาระประโยชน์

การบริโภคนมผึ้งตามความเหมาะสมกับวัย

อายุตั้งแต่ 18 – 25 ปี ปริมาณการรับประทานนมผึ้งที่เหมาะสม อยู่ที่ 1.1% เพราะร่างกายของคนวัยนี้จะมีการผลิตฮอร์โมนออกมาประสิทธิภาพที่สูง ดังนั้น ควรรับประทาน เพื่อบำรุงผม เล็บ ผิวพรรณ รับประทานประมาณนี้ จึงเหมาะสมที่สุด

อายุตั้งแต่ 26 – 35 ปี ปริมาณการรับประทานนมผึ้งที่เหมาะสม อยู่ที่ 2.2% – 2.4% การรับประทานของคนในวัยช่วงอายุนี้ จะเป็นการรับประมาณนมผึ้งได้ดีที่สุด เพราะกำลังพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้าหากกิน 6% จะทำให้การทำงานของการผลิตฮอร์โมนมีมากจนเกินไป จะผิดปกติ

อายุตั้งแต่ 36 ปีขึ้นไป ปริมาณการรับประทานนมผึ้งที่เหมาะสม อยู่ที่ 6% เพราะคนในช่วงนี้ เป็นวัยที่ระบบต่างๆ ของคนเสื่อมสภาพ ต้องการตัวช่วยต่างๆ มา ซึ่งนมผึ้งก็เป็นอีก 1 ตัวช่วยในการซ่อมแซมร่างกาย

นมผึ้ง 6 % ไม่ได้เหมาะสมกับทุกวัย แต่วัยที่เหมาะที่สุดคือ วัยผู้สูงอายุ เพราะถ้าช่วงอื่นมันเกิดความจำเป็น เพราะร่างกายของคนจะเสื่อมโทรมต่างกัน แต่ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน หรือผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือเป็นโรคอ้วน ให้ทานนมผึ้งได้ถึง 6% หรือ 2.4%

ดั้งนั้น หากใครสนใจที่จะรับประทาน นมผึ้ง และให้เห็นผลได้ดีควรศึกษาตามช่วงอายุที่เหมาะสมกับตัวเอง ผลที่ได้จึงจะออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลความเสี่ยงให้กับตัวเอง

Related Posts

ประโยชน์ของนมผึ้ง

7 ประโยชน์ของนมผึ้ง (Royal Jelly)

ประโยชน์ของนมผึ้ง มีดังนี้ นมผึ้งมีสารอาหารที่หลากหลาย นมผึ้งประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรจ โปรตีน ไขมัน ซึ่งส่วนประกอบทางเคมีทั้งหมดของนมผึ้งยังเป็นระหว่างการวิจัย แต่ผลในเชิงบวกต่อสุขภาพนั้นเกิดจากโปรตีนและกรดไขมันที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งจะรวมถึง โปรตีนอีก 9 ชนิด ที่จะเรียกรวมกันว่า (MRJPs) and two fatty acids, trans-10-Hydroxy-2-decenoic acid and 10-Hydroxydecanoic acid ไม่เพียงเท่านี้ นมผึ้งยังมีวิตามินบีที่มักมีอยู่ในนมผึ้ง ได้แก่ ดังนั้น สรุปง่ายๆ ก็คือในนมผึ้งมีส่วนประกอบด้วยน้ำ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินบี และแร่ธาตุและกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคน มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยเรื่องการลดการอักเสบ อีกประโยชน์ของนมผึ้งที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป คือการลดการอักเสบ และลดความเครียดจากปฏิกริยาออกซิเดชั่น (คือความเครียดที่เกิดจากที่อนุมูลอิสระเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต เช่น การรวมตัวกับสารพันธุกรรม คือ ดีเอ็นเอ ทำให้โมเลกุลของดีเอ็นเอเปลี่ยนแปลงไป หรือการเกิดปฏิกริยาออกซิเดชั่นของลิฟิตที่เป็นองค์ประกอบในเมนเบรนของเซลล์ได้เป็นสารเพอร์ออกไซด์ ทำให้เซลล์เมนเบรนเสียสภาพ และไม่สามารถทำหน้าที่ได้เหมือนปกติ) นมผึ้งจากการทดลองกับสัตว์หลายๆครั้ง นมผึ้งจะไปต้านกรดอะมิโน กรดไขมัน และสารประกอบฟีนอล แต่แม้ว่าผลลัพธ์จะมีแนวโน้มในทางที่ดี แต่ก็ยังขาดการทดลองกับมนุษย์ […]

Royal Jelly Life
Read more→
placeholder

นมผึ้งกินตอนไหนดีที่สุด

นมผึ้ง หรือ Royal Jelly เป็นสารอาหารที่ถูกผลิตออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงค์ที่อยู่ติดกับต่อมน้ำลายของผึ้งงาน มีประโยชน์ในการช่วยการกระตุ้นทางชีวภาพ ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง เพิ่มอัตราการขับถ่ายคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มอัตราการดูดซึมสารอาหาร รวมถึงช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิงให้สมดุล นมผึ้ง เหมาะกับใครบ้าง เหมาะกับผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงวัยทอง ผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ หรือนอนหลับยาก ผู้ที่มีต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย หรือเหนื่อยล้าง่าย ผู้ที่ต้องการปรับสมดุลฮอร์โมนไม่คงที่ ผู้ที่ต้องการบำรุงสมองและระบบประสาท ผู้ที่ต้องการป้องกันในการเกิดโรคบาหวาน อยากดูแลผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ กินนมผึ้งเวลาไหนดีที่สุด โดยปกติแล้วเราสามารถกินนมผึ้งได้ในทุกเวลา แต่ถ้าหากต้องการเน้นเป็นพิเศษ ก็จะมีช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการกินนมผึ้ง สำหรับคนที่กินเพื่อให้ร่างกายมีพลังงานมากขึ้น สมองสดใสและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้กินตอนช่วงเช้าของวันดีที่สุด แต่ถ้าหากต้องการกินนมผึ้งเพื่อบำรุงผิวพรรณและความงาม ให้กินช่วงก่อนนอนจะทำให้สารต่างๆในนมผึ้งที่ช่วยในเรื่องการบำรุงด้านความงามสามารถทำงานได้และเกิดประโยชน์ที่สุด วิธีการรับประทานทานนมผึ้ง แบ่งเป็น 2 วัตถุประสงค์หลักของการรับประทาน 1.การรับประทานนมผึ้งตามช่วงอายุ อายุระหว่าง 15 ถึง 25 ปี แนะนำให้รับประทานนมผึ้งวันละ 1 เม็ดก่อนนอน อายุระหว่าง 25 ถึง 45 ปี แนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 เม็ดก่อนนอน อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป […]

nanthikann3244
Read more→
placeholder

นมผึ้งช่วยบรรเทาอาการวัยทองได้จริงหรือไม่ ?

สตรีวัยทอง หรือสตรีวัยหมดประจำเดือน( Menopause)เป็นวัยที่รังไข่ค่อยๆหยุดการทำงาน จนกระทั่งไม่มีการตกไข่อีกต่อไป ทำให้ไม่มีประจำเดือน ผู้หญิงในวัยทองมักจะอายุประมาณ 45-60 ปี เป็นวัยที่ผลิตฮอร์โมนเพศได้น้อยลง ทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญอย่างมาก เพราะมีหน้าที่ในการช่วยพัฒนาระบบอวัยวะเพศ หรือระบบสืบพันธุ์ให้เจริญเติบโตได้เต็มที่ นอกจากนั้นยังช่วยดูแลให้ระบบต่างๆภายในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบปัสสาวะ ระบบประสาท หัวใจ ผิวพรรณ มดลูก หรือแม้แต่ช่องคลอด เมื่อร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ลดลง จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจตามมา อาการทางกายของสตรีวัยทอง ระบบสืบพันธุ์ รวมถึงอวัยวะเพศ ทางเดินปัสสาวะ และเนื้อเยื่อจะฝ่อทำให้เกิดอาการคันบริเวณช่องคลอด ช่องคลอดแห้ง รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนั้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณรอบๆช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะจะมีการฝ่อลีบและหย่อนตัวลง ทำให้มีปัญหาในเรื่องการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะบ่อยและมีอาการแสบที่ทางออกของท่อปัสสาวะ ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกง่าย ขี้ร้อน เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงบริเวณผิวหนังมากขึ้นทำให้เกิดอาการร้อนตามตัวมากกว่าปกติและส่วนใหญ่มักจะเกิดตอนกลางคืน ทำให้เรานอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท ซึ่งเป็นผลเสียอย่างมากต่อการทำงานของสมอง อาการเหล่าต่างๆเหล่านี้มักเป็นมากในช่วงปีแรกๆที่เริ่มเข้าสู่วัยทอง ผิวหนังแห้งเหี่ยวและคัน เนื่องจากการขาดฮอร์โมนเพศทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่นและชุ่มชื้น การใช้ฮอร์โมนเพศจะช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่นขึ้น ลดอาการได้แต่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้แก่ได้ กระดูกพรุนเปราะง่าย เพราะเกิดจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของคนเรานั้นก็จะมีการสร้างกระดูกใหม่และสลายกระดูกเก่าอยู่ตลอดเวลา ในวัยเด็กและในวัยรุ่นจะมีการสร้างกระดูกมากกว่าการสลายกระดูก […]

nanthikann3244
Read more→