นมผึ้ง Royal Jelly
หรือในอีกนามหนึ่งคือ Bee Milk คือสารอาหารที่มีคุณค่า ที่ผึ้งงานผลิตสำหรับตัวอ่อนผึ้งหรือผึ้งนางพญา โดยผึ้งจะผลิตจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ที่อยู่ติดกับต่อมน้ำลายบริเวณส่วนหัวของผึ้งงาน ซึ่งในภาษาไทย เราอาจเรียกติดปากกันว่า นมผึ้ง เพราะเป็นสารอาหารที่ใช้เลี้ยงตัวอ่อนผึ้งที่จะกลายเป็นผึ้งนางพญาต่อไปในอนาคต
ด้วยความเป็นสารสำคัญในการดูแลตัวอ่อนที่จะเติบโตเป็นนางพญาผึ้ง ที่เป็นผู้ก่อสร้างอาณาจักรของผึ้ง นมผึ้งจึงประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เพราะช่วยในการเร่งการเจริญเติบโตของผึ้งตัวอ่าน และผึ้งนางพญา องค์ประกอบส่วนใหญ่ของนมผึ้งจะเป็นน้ำ 60-70% มีลักษณะเป็นเนื้อครีมสีขาว คล้ายน้ำนมหรือสีเหลืองซีดเนื้อข้นเหนียว มีกลิ่นฉุน รสชาติเปรี้ยว และเผ็ดขมในคอ ในนมผึ้งนี้จะอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมาย ที่เป็นประโยชน์และนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม รวมทั้งผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์
บทความที่น่าสนใจ
–นมผึ้งต่างกับน้ำผึ้งอย่างไร
นมผึ้งมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ
น้ำ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ซึ่งมีผลต่อสุขภาพ และ ภูมิต้านทานในองค์รวม ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดจากโปรตีนและกรดไขมันที่มีความเฉพาะในนผมผึ้ง นอกจากนั้นแล้ว ยังมี ไกลโคโปรตีน 9 ชนิดที่เรียกรวมกันว่าโปรตีนนมผึ้งที่สำคัญ (MRJPs) และกรดไขมัน 2 ชนิด ได้แก่ กรดทรานส์-10-ไฮดรอกซี-2-ดีซีโนอิก และกรด 10-ไฮดรอกซีดีคาโนอิก
ในส่วนของวิตามินที่มีอยู่ใน นมผึ้ง ได้แก่และแร่ธาตุต่างๆซึ่งวิตามินที่มักมีอยู่ในนมผึ้ง ได้แก่
- ไทอามีน (B1)
- ไรโบฟลาวิน (B2)
- กรดแพนโทเทนิก (B5)
- ไพริดอกซิ (B6)
- ไนอะซิน (B3)
- กรดโฟลิก (B9)
- อิโนซิทอล (B8)
- ไบโอติน (B7)
ประโยชน์ของนมผึ้ง
ที่ทั้่วโลกนิยมใช้เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่านมผึ้ง มีส่วนช่วยในกระบวนการชะลอวัน (Anti Aging) โดยการกำจัดอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) รวมทั้ง ยังส่งเสริมระบบระบบภูมิคุ้มกัน (Immune Booster) ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี นอกจากนั้น นมผึ้ง (Royal Jelly) ยังใช้ส่งเสริมการรักษาโรค โดยมีสรรพคุณ และประโยชน์ในการช่วยรักษาโรคดังนี้
- โรคหอบหืด
- หลอดเลือด
- โรคเบาหวาน
- ความเหนื่อยล้า
- ไข้ละอองฟาง
- คอเลสเตอรอลสูง
- การอักเสบ
- โรคไต
- ตับอ่อนอักเสบ
- กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)
- การดูแลสุขภาพผิว
- ลดการอักเสบ
วิธีการกิน หรือใช้ นมผึ้ง อย่างปลอดภัย
การใช้นมผึ้งสามารถใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทานสดๆ การทานนมผึ้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสิรม และการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์สำหรับใช้ทาผิว ที่มีนมผิึ้งเป็นส่วนประกอบ เป็นต้น ซึ่งข้อแนะนำการใช้โดยทั่วไปมีดังนี้
- การรับประทาน นมผึ้งสด: นมผึ้งสด 1/4 ช้อนชา และเพิ่มจำนวนนมผึ้งสด 1/2 – 1 ช้อนชาในแต่ละวัน
- การรับประทาน นมผึ้งแบบแคปซูลผง ซึ่งประกอบด้วยนมผึ้งเข้มข้น 500 มก. (ผง)
ซึ่งเทียบเท่ากับนมผึ้งสด 1500 มก. เราแนะนำให้รับประทานหนึ่ง (1) แคปซูลสาม (3) ครั้งต่อวัน พร้อมอาหาร - การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ประเภทครีมทาผิว หรือบำรุงผิว ให้ทดลองทดสอบอาการแพ้โดยการทาครีมดังกล่าว บริเวณข้อพับ ท้องแขน หรือหลังคอ เพื่อทดสอบอาการแพ้ก่อนการใช้งาน
อย่างไรก็ดีผู้บริโภคควรใช้นมผึ้ง โดยทราบแหล่งที่มา การผลิต ความบริสุทธิ์ จากที่เชื่อถือได้เป็นสำคัญ รวมทั้งหากคุณมีโรคประจำตัว ที่ต้องปรึกษาแพทย์เป็นประจำอยู่แล้ว การใช้นมผึ้งจึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
ผลข้างเคียงนมผึ้ง Royal Jelly
จากการศึกษา พบว่าการรับประทานนมผึ้งในปริมาณ4.8กรัม ต่อวัน นานถึง 1 ปีไม่พบผลข้างเคียงต่อผู้บริโภค แต่หากท่านมีโรคประจำตัว เป็นหอบหืด (asthma) หรือภูมิแพ้ (allergies) อาจมีอาการได้ รวมทั้งมีรายงานเกี่ยวกับผู้ที่มีความดันต่ำ หากต้องการรับประทานนมผึ้ง หรืออาหารเสริมนมผึ้งควรปรึกษาแพทย์
ส่วนการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีนมผึ้ง เป็นส่วนประกอบแพ้ที่ผิวหนังน้อยมาก หากผู้ใช้ที่มีอาการแพ้ง่าย หรือกังวลว่าจะแพ้นมผึ้ง ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีนมผึ้งเป็นส่วนประกอบ สามารถ ทดสอบการแพ้ของผิวหนัง ด้วยการทาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวบริเวณข้อพับแขน คอ หรือท้องแขน เพื่อการทดสอบการแพ้ของท่านได้ค่ะ
หากคุณไม่เคยทานนมผึ้ง หรือใช้นมผึ้งมาก่อน Royal Jelly Life แนะนำให้คุณทดลองทานแต่ปริมาณน้อยก่อน เพื่อทดสอบ และหากต้องใช้กับผิวหนังก็ควรทดสอบการแพ้ผิวหนังตามที่ได้แนะนำไปแล้วค่ะ
หากคุณต้องการทราบรายละเอียด คุณสามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ ผลข้างเคียงและอาการแพ้นมผึ้ง
“โปรดทราบว่าบางคนอาจมีอาการแพ้ต่อนมผึ้ง ดังนั้นควรใช้ด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ “
“การใช้นมผึ้งที่เก็บเองแบบดิบๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการของโรงงาน หรือระบบการผลิตที่ได้มาตรฐาน ต้องระมัดระวังการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย”
นมผึ้ง Royal Jelly การทำปฏิกริยา กับยาและอาหารเสริม
มีคำเตือนว่า ห้ามใช้ นมผึ้ง สำหรับผู้ทานยา ละลายลิ่มเลือด Warfarin (Coumadin) ซึ่งเป็นยาที่ใช้เพื่อช่วยรักษาและป้องกันการอุดตันในเส้นเลือดดำ ทั้งเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดง โดยWarfarin จะช่วยต้านการแข็งตัวของเลือดหรือที่เรียกกันว่ายาละลายลิ่มเลือดและยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจ หรืออาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น ๆ
การใช้วาร์ฟารินกับนมผึ้ง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ จ้ำเลือด หรือเกิดเลือดออก
นอกจากนั้นผู้ที่ทานยาเพื่อลดความดันโลหิต การรับประทานนมผึ้ง หรืออาหารเสริมนมผึ้ง ร่วมกับยาลดความดันโลหิต อาจทำให้ความดันโลหิตต่ำเกินไป การใช้จึงควรปรึกษาแพทย์
ปัจจุบันไม่พบไม่พบการทำปฏิกิริยากับอาหารเสริมอื่น อย่างไรก็ดีผู้ที่ต้องการทานนมผึ้ง ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์อาหารเสริมควรดูข้อมูลจากสลากของผลิตภัณฑ์นั้นตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
ผลิตภัณฑ์จากนมผึ้ง
เนื่องจากคุณสมบัติที่กล่าวมาแล้ว การใช้นมผึ้งในกิจการเพื่อการพาณิชย์จึงมีความต้องการอย่างแพร่หลาย โดย มีการใช้นมผึ้งในหลากหลายรูปแบบทั้งแบบสดโดยไม่ต้องแปลรูป และแบบแปรรูป รวมทั้งการนำไปใช้เป็นส่วนผสมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น
- ใช้เป็นส่วนผสมของยา
- ใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เช่น อาหารเสริมนมผึ้ง
- เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางค์ เช่นครีมทาผิว
- การผสมนมผึ้งในอาหาร